ต่อเนื่องจากคราวที่แล้วเกี่ยวกับวิธีการค้นหาสิทธิบัตร คราวก่อนเราค้นหาสิทธิบัตรจากฐานข้อมูลออนไลน์ Scopus และ SciFinder ซึ่งวิธีการใช้งานก็ไม่ต่างจากการค้นหาบทความวิชาการทั่วไปเลย ครั้งนี้จะมาลองใช้ฐานข้อมูลที่พัฒนาขึ้นจาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งผมคิดว่ามันใช้งานง่ายและสะดวกจริงๆ ครับ
วิธีการค้นยังคงคล้ายๆ กับการค้นหาบทความวิชาการจากวารสารอิเล็กทรอนิกส์และฐานข้อมูลอื่นๆ เช่นเดิม การค้นหาของกรมทรัพย์สินทางปัญญานั้นใช้วิธีการค้นหาจากหน่วยงานสิทธิบัตร ของประเทศต่างๆ ได้แก่ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) สำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (EPO) สำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา (USPTO) จีน (SIPO) ออสเตรเลีย(IP Australia) ญี่ปุ่น (JPO) เยอรมนี (DPMA) เกาหลี (KIPO) และประเทศไทย (DIP) ใช้การค้นแบบ one search คือค้นหาเพียงครั้งเดียวจากทุกๆ แหล่ง แต่ถ้าหากต้องการค้นเฉพาะบางแหล่งเราก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ
เริ่มต้นไปที่เว็บไซต์ของ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เลือกเมนูด้านซ้ายที่ ค้นหาสิทธิบัตรจากทั่วโลก จะปรากฏหน้าตาตาม รูปที่ 2 ถึงตรงนี้ก็จะพบว่าเราสามารถค้นหาได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการค้นแบบ Basic Search ค้นหาจากหมายเลขสิทธิบัตร (กรณีที่ทราบหมายเลข) เราสามารถเลือกค้นจากสำนักงานสิทธิบัตรจากประเทศที่ต้องการ หรือจะค้นจากทุกประเทศเลยก็ได้ ในตัวอย่างผมลองค้นจากทุกประเทศที่มี และพิมพ์คำค้นลงไป (ลองใช้คำว่า Jasmine Rice)
เมื่อทำการค้นหาข้อมูลเสร็จแล้ว ระบบจะแสดงผลเป็นตารางรายชื่อสิทธิบัตร (รูปที่ ๓) ถ้ามองดูด้านบนจะมีตัวเลขระบุว่าพบสิทธิบัตรกี่ชิ้น จากแหล่งใดบ้าง เช่นในตัวอย่างบอกว่า พบสิทธิบัตรจากประเทศไทย ๑ ฉบับ ออสเตรเลีย ๑ ฉบับ อเมริกา ๗ ฉบับ เป็นต้น ส่วนรายละเอียดของแต่ละฉบับก็สามารถคลิกดูได้จากตารางด้านล่าง โดยเลือกคลิกที่ เลขที่คำขอ หรือ เลขที่ประกาศ
จากนั้นจะมีหน้าต่างใหม่ปรากฏตาม รูปที่ ๔ แสดงข้อมูลของสิทธิบัตรชิ้นนั้น อย่างในตัวอย่าง เป็นผลิตภัณฑ์ ครีมขัดผิวข้าวหอมมะลิ ระบบจะแสดงชื่อผู้ขอจดทะเบียน ผู้ประดิษฐ์/ผู้ออกแบบ บทสรุปการประดิษฐ์ ข้อถือสิทธิ์ ส่วนประกอบ รายละเอียดการประดิษฐ์ ฯลฯ เหล่านี้สามารถเปิดดูฉบับเต็มได้ในรูปแบบของไฟล์ TIFF
หากว่าเราต้องการค้นหานอกเหนือที่มีในเว็บของกรมทรัพย์สินฯ เราก็สามารถเข้าไปค้นได้โดยตรงจากสำนักงานสิทธิบัตรของประเทศต่างๆ ได้โดยตรง หากไม่ทราบเว็บไซต์ก็คงต้องอาศัย Google แล้วล่ะครับ แต่ที่ใช้กันโดยทั่วไปเพราะค่อนข้างมีสิทธิบัตรจำนวนมาก ก็ได้แก่ สำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (EPO) และ สำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา (USPTO) ส่วนในเอเชียที่นิยมค้นหาก็ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน
ทีนี้ถ้าเกิดรู้สึกว่ามันก็ยังยุ่งยากอยู่ดี ไม่อยากจำ URL ไม่อยากต้องมาคลิกหลายรอบ ก็ลองมาใช้ของที่คุ้นเคยกันอย่าง Google ก็ได้ครับ Google ตอบสนองความต้องการของเราด้วยการทำ “Google Patents” เอาไว้สำหรับให้ชาวเน็ตค้นหาสิทธิบัตรโดยเฉพาะ ตอนนี้มีการรวบรวมไว้แล้วมากกว่า ๘ ล้านรายการ วิธีการค้นก็ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ใส่คำค้นลงไปเท่านั้น ระบบก็จะค้นให้ทันที เหมือนใช้ Search Engine ค้นข้อมูลทั่วๆ ไปนั่นหละครับ พอ Google แสดงผลออกมาเราก็จิ้มเลือกฉบับที่ต้องการแล้วระบบจะทำ link พาเราไปยังตัวสิทธิบัตรฉบับเต็มให้เลย
เป็นอย่างไรบ้างครับกับการค้นหาสิทธิบัตรทั้งสองตอน ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ หากต้องการค้นแบบง่ายๆ และรวดเร็วก็แนะนำให้ลองใช้ Google Patents ก็ได้นะครับ แต่ก็ต้องระมัดระวังนิดหน่อยเพราะผลการค้นหาอาจจะได้มากมายเกินต้องการ ด้วยระบบการค้นหาแบบ Search Engine จึงทำให้ได้ผลลัพธ์เยอะแยะ จึงต้องเลือกใช้คำค้นที่ค่อนข้างเจาะจงสักหน่อย
Links ที่น่าสนใจ
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO: World Intellectual Property Organization)
สำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา (USPTO: United States Patent and Trademark Office)
สำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (EPO: European Patent Office)
สำนักงานสิทธิบัตรประเทศญี่ปุ่น (JPO: Japan Patent Office)
สำนักงานสิทธิบัตรประเทศจีน (SIPO: State Intellectual Property Office of The P.R.C)
สำนักงานสิทธิบัตรประเทศออสเตรเลีย (IP Australia)
สำนักงานสิทธิบัตรประเทศเยอรมนี (DPMA: Das Deutsche Patent- und Markenamt)
สำนักงานสิทธิบัตรประเทศเกาหลี (KIPO: Korean Intellectual Property Office)
สำนักงานสิทธิบัตรประเทศอังกฤษ (IPO: Intellectual Property Office)
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประเทศไทย (DIP: Department of Intellectual Property)
——————————————————————————————————————————
อภิชัย อารยะเจริญชัย
หน่วยบริการสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ และหน่วยจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ฯ
ห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล