แรกเริ่มเดิมทีนั้น มหาวิทยาลัยมหิดล ถือกำเนิดในชื่อ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นงูพันคบเพลิง สื่อความหมายถึงวิชาแพทย์ แต่นักศึกษาทราบกันไหมว่าเหตุใดจึงใช้รูปงูพันคบเพลิงมาใช้เป็นเครื่องหมายถึงวิชาแพทย์
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากเทพปกรณัมของกรีกโบราณ อาจมีจุดที่ต่างกันบ้างแต่ยังคงใจความหลักที่คล้ายกัน คทานี้เป็นของ เอสคิวลาปิอุส (Aesculapius) เป็นบุตรของเทพ อพอลโล เอสคิวลาปิอุสมีความสามารถทางการแพทย์สูงส่ง อาจารย์ของเขาคือ ไครอน (ไครอน หรือ เซนทอร์ เป็นอมนุษย์ที่มีร่างกายส่วนบนเป็นมนุษย์แต่มีส่วนล่างเป็นม้า) ในเทพปกรณัม ไครอนมักมีบทบาทในการเป็นอาจารย์ให้กับทวยเทพหรือวีรบุรุษหลายต่อหลายคน
เอสคิวลาปิอุสร่ำเรียนวิชาแพทย์จากไครอนจนเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงเพียงใดหรือบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน เขาก็สามารถรักษาจนรอดทุกราย เขาเก่งกาจถึงขนาดสามารถรักษาคนใกล้ตายจนรอดชีวิต จนร่ำลือกันว่าต่อให้เป็นคนตายเขาก็ชุบชีวิตขึ้นมาได้ ทำให้มหาเทพเซอุสเกรงว่าความสามารถของเขาจะสร้างความโกลาหลให้กับยมโลก จึงจำเป็นต้องกำจัดเสีย
สำหรับคทาคาดูซัสของเขานั้นมีเรื่องเล่าแตกต่างกันสองกระแส บ้างก็ว่าครั้งหนึ่งขณะที่เขากำลังรักษาผู้ป่วยอยู่ เกิดมีงูพิษเลื้อยเข้ามา เขาจึงใช้ไม้เท้าฆ่างูตัวนั้นเสีย หลังจากรักษาผู้ป่วยเสร็จแล้วจึงชุบชีวิตงูตัวนั้นขึ้นมาใหม่ งูจึงเลื้อยพันอยู่กับไม้เท้าของเขาไม่ยอมจากไปไหน
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่าไม้เท้านี้เป็นของอพอลโลมาแต่เดิม ต่อมาอพอลโลนำไปแลกกับพิณของเทพ เมอร์คิวรี่ (Mercury) อยู่มาวันหนึ่งเทพเมอร์คิวรี่เห็นงูสองตัวกำลังต่อสู้กัน จึงเอาไม้เท้าปักลงระหว่างกลางเพื่อสงบศึก ปรากฎว่างูทั้งสองเลื้อยขึ้นมาพันรอบไม้เท้านั้นและประดับอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา จากตำนานนี้ไม้เท้านี้จึงมีความหมายถึงความเป็นกลาง การรอมชอม และสันติภาพ ส่วนการเพิ่มปีกประดับไว้ที่ปลายไม้เท้านั้นเข้าใจว่าถูกเพิ่มเติมขึ้นภายหลังเพื่อแสดงถึงเทพเมอร์คิวรี่ ซึ่งพระองค์มีสัญลักษณ์ประจำพระองค์เป็นปีกสองข้าง
สำหรับการใช้คทาที่มีงูสองตัวเป็นเครื่องหมายทางการแพทย์นั้น มีการตีความว่างูสองตัวหมายถึงการเยียวยารักษา (Healing) และสิ่งที่เป็นพิษหรืออันตราย (Poison) หรืออาจหมายถึง สุขภาพ (Health) และ การเจ็บป่วย (Illness) ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหนต่างก็แสดงถึงวิชาแพทย์ทั้งสิ้น
ดังนั้นหากอิงจากสองตำนานนี้จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า ถ้าจะให้มีความหมายในเชิงวิชาแพทย์ก็น่าจะประดับด้วยงูเพียงตัวเดียว ส่วนคทาที่ประดับด้วยงูสองตัวน่าจะหมายถึงเทพเมอร์คิวรี่ แต่อาจมีการเข้าใจผิดและสับสนกันมาตั้งแต่สมัยก่อน จึงมีการใช้ปะปนกันเรื่อยมาและกลายเป็นที่เข้าใจในความหมายถึงวิชาแพทย์มาจนถึงทุกวันนี้
รูปสลัก Aesculapius สร้างจากหินอ่อน จัดแสดงที่ Vatican Museums
สังเกตที่ไม้เท้าจะมีงูเพียงตัวเดียว (ที่มาภาพ: http://wordsmith.org/words/aesculapian.html)
ภาพ Mercury, Argus and Io โดย Abraham Bloemaert ศิลปินชาวดัตช์ อายุราวปี 1592
สังเกตคทาของเทพเมอร์คิวรี่จะมีงูพันอยู่สองตัว (ภาพจาก wikipedia)
องค์กรระดับนานาชาติ อาทิ องค์การอนามัยโลก, สมาคมแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา
หรือสมาคมแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร ใช้งูเพียงตัวเดียว
แต่ยังมีบางองค์กรที่เลือกใช้งูสองตัว และมีบางแห่งที่ปรับเปลี่ยนจากไม้เท้าเป็นคบเพลิง
แต่ยังคงความหมายถึงวิชาแพทย์ อาทิ สมาคมแพทย์คาธอลิก,
สมาคมแพทย์แห่งมาเลเซีย, สมาคมแพทย์แห่งอินเดีย และกระทรวงสาธารณสุข (ไทย)
—————————————————————————————————–
ข้อมูลจาก
1. อ.สายสุวรรณ. (2549). เทวดาฝรั่ง กรีก-โรมัน. กรุงเทพฯ : อมรินทร์.
2. Kim Dennis-Bryan. (2008). Signs & Symbols. London ; New York : DK.
3. Keith Blayney. “The Caduceus vs the Staff of Asclepius.” [Online]. Available: http://drblayney.com/Asclepius.html
อ่านเพิ่มเติมได้จาก
– “Caduceus – Rod of Hermes.” [Online]. Available: http://www.crystalinks.com/caduceus.html
– “Caduceus vs. Aesculapius.” [Online]. Available: http://www.hsc.wvu.edu/som-alumni/About-Us/Symbols-and-Traditions/Caduceus-vs-Aesculapius